The Blue Sky Resort, Maldives Thailand

12/11/10-17-11/10

ฤดูแห่งการท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!!
และทริปแรกของปลายปีนี้ เป็นทริปประจำปีที่ไปกับกลุ่มเพื่อนม.ปลาย
ที่ปัจจุบันเหลือเพื่อนเที่ยวแค่ 4 หน่อเท่านั้น ได้แก่ เง็ก หลิง สาลี่ และอิน ^^

ปีนี้พวกเราตกลงใจเป็นเอกฉันท์ที่จะไป The Blue Sky Resort เกาะพยาม จังหวัดระนอง
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Maldives เมืองไทย เนื่องจากได้เห็นรีวิวสวยๆของคุณเหตุวิสัยฯ ที่ถูกส่งเป็น fw mail
ซึ่งทริปนี้ เพื่อนเง็กเป็นคนดูแลในเรื่องการจัดทริป จองที่พัก คำนวนค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นเคย

พวกเราเริ่มออกเดินทางกันในเย็นวันศุกร์ที่ 12/11/53
โดยรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่งของโชคอนันต์ ซึ่งออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่เวลา 3 ทุ่ม
พวกเรานัดเจอกันที่บ้านเง็กก่อนแล้วเดินทางไปพร้อมกัน
สาลี่ไม่ลืมที่จะทำบราวนี่ เค้กเนยสด คุ้กกี้ และพายมาให้เพื่อนๆตามคำเรียกร้อง

จากกทม.ไประนอง ระยะทางประมาณ 600 กม.
8 ชม.ที่นั่งๆนอนๆบนรถก็ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใดเพราะที่นั่งกว้างขวางพอสมควร
กลางดึก เราตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงฝนตกก็อดหวั่นใจไม่ได้
แต่ด้วยความสามารถพิเศษ ก็ทำให้ข่มตาหลับต่อได้ ^^
หลับไปซักพัก เราก็ตื่นขึ้น ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกข้างนอก
ภาพที่เราเห็นคือ รถทัวร์กำลังขับขึ้นสะพานไม้ที่แคบมากๆ
และล่างสะพานนั้นก็คือแม่น้ำสีขุ่นซึ่งไหลเชี่ยว
คนที่อยู่นอกรถก็ตะโกนท่ามกลางเสียงฝนที่ตกหนักว่าให้หักรถไปทางขวา
แต่คนขับดันหักซ้าย ประมาณว่าคงสับสนทิศทาง
คนนอกรถก็ตะโกนว่าขวาๆๆ! แต่คนขับก็ยังหักไปทางซ้ายอีก!
จนล้อรถซ้ายหน้าใกล้จะตกจากสะพานแล้ว!
เราก็ตกใจมากเลย สมองคิดประมวลภาพเลยว่า
ถ้ารถตกน้ำไป เราจะออกจากรถทางไหนดีจึงจะไม่ติดแหง็กข้างใน
แต่ใจก็หล่นวูบเมื่อคิดได้ว่าถ้าคนขับไม่เปิดประตู แล้วเราจะออกกันได้ที่ไหน หน้าต่างก็เปิดไม่ได้!!!
หรือเราต้องตายพร้อมกันทั้งหมดนี้!?!?!
ทันทีที่ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทันใดนั้น … เราก็ตกใจตื่นขึ้น!!!!!
โอ้ววววว แม่เจ้าาา ฝันร้ายชะมัดเลย T^T
แต่ก็ยังดีที่ให้เราตื่นก่อนที่รถจะตก เฮ้ออออ
เพราะฝนตกนี่เอง ทำให้เราคิดฝันเป็นตุเป็นตะ
ตื่นมาใจยังเต้นตุบๆๆๆๆอยู่เลย เฮ่อๆๆๆ ขอบคุณสวรรค์ที่เป็นแค่ฝัน
(ขอสารภาพอีกข้อ ตอนที่คนขับหักรถไปทางซ้ายทั้งที่เค้าบอกให้ไปทางขวา
พอตื่นขึ้นมาแอบนึกในใจว่า ไอ้เง็กขับป่าววะ 555)

วันเสาร์ที่ 13/11/10
รถทัวร์มาจอดยังจุดจอดรถเวลาตี 5
พวกเราใช้บริการรถรับส่งของ Blue Sky โดยมีคุณชาติมารับพวกเรา
และพาพวกเราไปส่งยังบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน
พวกเราไปแช่เท้าน้ำแร่กันซักพักเพื่อรอเวลา Siam Hot Spa เปิด 7 โมงเช้า ตามที่นัดหมายกัน
ที่นี่มีลานหินร้อนให้เข้าไปนอนรับความร้อนจากน้ำร้อนใต้พื้นดิน
ซึ่งนอนแล้วก็รู้สึกสบายตัวดี ไม่ร้อนจนเกินไปนัก

เมื่อถึงเวลา 7 โมงเช้า ปรากฎว่าทางเจ้าหน้าที่ของ Siam Hot Spa ไม่มาตามนัด (หรือยังไงไม่ทราบ)
คุณชาติเลยพาพวกเราไปแช่น้ำร้อนอีกที่แทนชื่อว่า จันทร์สมฮ็อตสปา
ที่นี่มีชุดว่ายน้ำให้พร้อม โดยเสียค่าบริการในการแช่น้ำแร่คนละ 150 บาท
น้ำในสระที่นี่อุ่นสบายดี ผิดกันที่ไปแช่เท้าที่ร้อนเกินจนไม่ได้แต่ ทำได้แต่ชักเท้าขึ้นๆลงๆเท่านั้น 555

หลังจากแช่น้ำแร่อุ่นๆ อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวแล้ว
คุณชาติก็พาพวกเราไปกินติ่มซำเป็นอาหารเช้าที่ร้านยามเช้า
และก็รอเวลาไปขึ้นเรือเมล์ให้ทันรอบ 9.30 น.



เพียงแค่ 2 ชม. หลับไป 3 ตื่น ก็ถึงเกาะพยามแล้ว!
พอเรือเทียบท่า ก็จะมีรถกอล์ฟของรีสอร์ทมารับพวกเรา
เมื่อมาถึงรีสอร์ท ก็มี welcome drink เย็นๆ เป็นน้ำสตอเบอรี่ผสมมะนาวปั่น
อร่อยเย็นชื่นใจดีจริงๆ
จากนั้นก็ทำการเช็คอินที่รีสอร์ท ซึ่งตอนแรกพวกเราจองห้องโซน L ไป
แต่สุดท้ายก่อนเดินทางก็ขออัพเกรดมาเป็นโซน R ซึ่งวิวจะสวยกว่า และราคาก็แพงกว่า
โดยปกติห้องนึงจะนอนได้ 2 คน แต่เรามากัน 4 คน ในงบที่จำกัด เลยขอ extra bed 2 ที่แทน

ภายในห้องพัก สวยงามเหมือนในรูปที่เห็นในรีวิว
พวกเรากองสัมภาระต่างๆไว้มุมนึง จากนั้นก็เก็บภาพกันยกใหญ่ กล้องใครกล้องมัน 555
ทั้งห้องนอนและห้องน้ำ ถูกใจไปซะหมด
เสียดายที่ยังไม่มีน้ำอุ่น เลยต้องทนอาบน้ำเย็นๆไป
สำหรับแอร์ ที่มีป้ายบอกว่าจะตัดแอร์ตอนช่วงสายๆ-บ่ายๆ
แต่ตอนเราไปถึงช่วงบ่าย ก็ยังเปิดแอร์ได้เป็นปกตินะ แต่ก็มีไฟตกเป็นพักๆเหมือนกัน

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเราก็นั่งเล่นถ่ายรูปกันที่ห้องอาหาร
และได้เจอกันน้อง Bobby/ Robert ที่เข้ามาเล่นกันพวกเรา
บ๊อบบี้อายุเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้น เป็นลูกครึ่งละมั้งเพราะพ่อฝรั่ง แต่ตัวน้องพูดไทยได้
น้องเค้ามีกล้องส่วนตัวด้วยนะ เป็น Canon Ixus คล้ายรุ่นเรา
แถมยังถ่ายรูปเก่งอีกด้วย มุมกล้องก็ใช้ได้เลย ถ่ายออกมาก็ชัดเจนดี
แถมมีการจัดฉากให้เรายกกล้องขึ้นถ่ายน้อง แล้วน้องก็ยกกล้องขึ้นถ่ายเรา
แหมๆๆๆๆ เป็นเด็กที่ฉลาดและน่ารักจริงๆ
พวกเราถ่ายรูปเล่นกับน้องนานพอควร จากนั้นก็กลับห้องไปพักผ่อน
ก็ไม่รู้ว่าใครทำอะไรกันบ้าง รู้แต่ว่าเราหลับยาวเลย
ตื่นมาอีกทีก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ^^

ตอนแรกกะว่าจะพายเรือคายัคเล่นช่วงบ่ายๆ ก็คงต้องเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แทน



อาหารเย็นมื้อนี้ พวกเราสั่งซีฟู้ดไว้ตั้งแต่บ่าย เพื่อให้เค้าจัดเตรียมได้ทัน
มีปูนึ่ง กุ้งเผา และปลาหมึกเผา เป็นอาหารหลัก และก็มีต้มจืดเต้าหู้หมูสับมาซดแก้เผ็ด
ก็แปลกใจเหมือนกันที่ว่าทำไมแกงจืดกลับเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในมื้อนี้
ทำไมกุ้งเผากับปลาหมึกเผาถึงกินเหลือกัน!?!
ไว้ค่อยเล่าตอนท้ายละกัน ^^

หลังทานอาหารเย็นเสร็จ พวกเราก็มาถ่ายรูปรีสอร์ทยามค่ำคืนกัน สวย โรแมนติคไปอีกแบบ

====================

วันอาทิตย์ที่ 14/11/10

วันนี้เป็นวันแห่งกิจกรรมโดยเฉพาะ
เพราะหลังจากทาน ABF ที่คิดรวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว
พวกเราก็นั่งรถกอล์ฟซึ่งขับโดยน้องเอ็ม พาพวกเราไปเที่ยวอ่าวมุก
จากอ่าวมุก สามารถมองเห็นเกาะปลาวาฬ ซึ่งเป็นเกาะที่มีรูปร่างเหมือนปลาวาฬ

จากนั้นเง็กผู้สุดแสนจะไฮเปอร์ ก็กลัวว่าหากเพื่อนกลับไปพักที่ห้อง จะหลับอีก
เลยรีบชวนออกไปปั่นจักรยานเล่น โดยมีจุดหมายคืออุโบสถกลางน้ำของวัดพยาม
ที่มองเห็นอยู่ลิบๆจากหน้ารีสอร์ท

พวกเราก็ปั่นจักรยานไป อ่านป้ายไป ถามทางไป จนมาถึงวัดพยาม
น่าเสียดายที่เค้าปิดประตูไว้ ทำให้เดินเข้าไปใกล้อุโบสถกลางน้ำไม่ได้
ไม่รู้เพราะว่าปิดปรับปรุงซ่อมแซมรึเปล่า เพราะเห็นมีวัสดุก่อสร้างวางกองอยู่ลิบๆ

พวกเรากะว่าจะหาข้าวกลางวันกินกันแถวตลาด และอยากกินส้มตำกัน
แต่หลังจากสอบถามชาวบ้านแล้ว เห็นว่าร้านส้มตำแถวนี้ไม่มี อดเลย
และเมื่อสอบถามถึงเส้นทางไปอ่าวเขาควาย ซึ่งเมื่อฟังเค้าอธิบายแล้วเหมือนไม่ยากเย็นอะไร
พวกเราก็เลยตกลงใจจะปั่นจักรยานไปกัน ทั้งที่ตอนแรกว่าจะเช่ารถกอล์ฟไปคันละ 300 บ.

การปั่นจักรยานขึ้นเนินนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลย และระหว่างทางก็มีเนินสูงบ้างเตี้ยบ้างสลับกันไป
พวกเราก็ปั่นบ้าง จูงบ้าง จนมาได้ถึงครึ่งทาง แวะซื้อน้ำดับกระหายและพักทานอาหารกลางวันข้างทาง
โชคดีร้านนี้มีขายส้มตำด้วย ก็เลยสั่งส้มตำ ไก่ทอด หมูทอด ข้าวเหนียว ยำทูน่ามากินกัน
อาหารร้านนี้ก็โอเคอยู่ แต่ว่ารอนานมากกกกกกก
แต่ก็ไม่เป็นไร ถือโอกาสนั่งพักนานๆและเม้าท์กัน

เมื่อกินอิ่มแล้ว พวกเราก็ลุยปั่นจักรยานต่อ ตามป้ายเขียนว่าอีกแค่ 1.3 กม.เท่านั้น
แต่เป็น 1.3 กม.ที่ปั่นมันมาก เพราะเป็นเนินที่ค่อนข้างสูงทีเดียว
ตอนปั่นขึ้นก็แทบจะขาดใจ เข็นกันเข้าไป
ตอนปั่นลงก็สนุกดี แต่หวาดเสียวชะมัด ต้องคอยแตะเบรกไว้ตลอดกัน
และในที่สุด ทั้งสี่สาวก็มาถึง Payam Cottage Resort
ซึ่งเป็นรีสอร์ทพี่ รีสอร์ทน้องกับ Blue Sky
เมื่อพวกเราทะลุเข้าไปยังหน้าหาด ก็ได้พบอ่าวเขาควายที่พวกเราดั้นด้นปั่นจักรยานมากัน
แต่ที่ตลกก็คือ ไม่มีใครสนใจทะเลหรือผืนทรายเบื้องหน้าเลย
ทุกคนให้ความสนใจกับเจ้าถิ่นผู้ที่อัธยาศัยดีตัวนี้

เจ้านี่เห็นพวกเราก็วิ่งมาทักทายราวกับรู้จักกันมาก่อน
ใครจะถ่ายรูปมันก็วิ่งมาขวางหน้ากล้องไว้ คอยเล่นด้วยตลอด
เลยทำให้พวกเราไม่ทันได้สนใจอ่าวเขาควายจริงๆ จำไม่ได้ด้วยว่าวิวรอบๆเป็นไง 555
ส่วนหลิงรักสัตว์ ไปสั่งไก่ย่างมาจานนึงให้น้องหมากิน
แต่ก็ถูกคนใจร้ายบางคนแย่งหมากิน (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น 555)

พวกเราอยู่ที่หาดถึงบ่าย 4 ก็ต้องรีบกลับเพราะว่าฝนเริ่มตกปรอยๆแล้ว
ขากลับ พวกเราปั่นกันเร็วมากกกก คงเพราะรู้ทางแล้ว และกลัวว่าฝนจะตกหนักด้วย
แต่ละคนก็ห่วงกล้องตัวเองอีก ก็เลยปั่นกันมันส์ไปเลย
จนกระทั่งถึงวัดพยาม เง็กอยู่ดีๆก็อาสาลงไปวัดพื้นหน้าวัด จนได้แผลที่เข่าและเท้ามา
กลับมาถึงรีสอร์ท ก็ได้น้องเอ็มช่วยล้างแผลทำแผลให้

อันที่จริงกะว่าจะพายเรือคายัคซักหน่อย แต่คงไม่ไหวแล้ว
เพราะปวดน่อง ปวดแขนจากการปั่นจักรยาน บวกกับเง็กที่ได้แผลมา
จริงๆก็อยากพายอยู่นะ แต่มาล้มเลิกความตั้งใจเมื่อสาลี่ชี้ให้เห็นถึงคลื่นลมที่แรงพอควร ชักเสียว -*-

ระหว่างรอทานอาหารเย็น เราก็ผลัดกันอาบน้ำและถ่ายรูปเล่นรอบๆรีสอร์ท
ได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วย เสียดายที่ไม่ชัดเท่าไหร่

อาหารเย็นวันนี้ ไม่ได้ผ่านไปอย่างปกตินัก อันเนื่องมาจากเราไปกวนสาลี่เข้า
มันเลยน้อยใจ ไม่ยอมไปกินข้าว -*-
สุดท้ายพวกเราก็ไปกินกันเอง แล้วสั่งอาหารไปให้มันกินที่ห้อง
พร้อมกับส่งตัวแทนไปคอยกล่อมให้สาลี่กิน
หลิงก็ใจดี อยู่เป็นรอที่ห้องอาหารเป็นเพื่อนเรา (อันที่จริงมันอยากนั่งเล่นเน็ตมากกว่าละมั้ง 555)
พอสาลี่กินอาหารเสร็จ เง็กค่อยส่งข้อความมาเรียกให้พวกเรากลับห้องได้

อ้อ แต่ว่าอาหารมื้อนี้ อร่อยดีนะ ผิดกับมื้อก่อนๆ เราสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ รสชาติถูกใจดี

คืนนี้ก็ยังเป็นคืนที่ไร้ดาว เราก็นอนเร็วกว่าใครอีกตามเคย ปล่อยให้เพื่อนๆดูทีวีกันไป

====================

วันจันทร์ที่ 15/11/10

นี่เป็นเช้าวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่บนเกาะพยามนี้
เช้านี้เราสั่งออมเล็ตมากิน รสชาติดีทีเดียว
เมื่อกินอาหารเสร็จ เราก็ไปนั่งรับลมเล่นที่เปลข้างห้องอาหาร
ลมดีจริงๆ ถ้าได้นั่งอ่านหนังสือตรงนี้ก็คงจะดี แต่ติดที่ว่าเราทิ้งหนังสือไว้ที่ห้อง
ขี้เกียจฝ่าดงคนงานก่อสร้างกลับไปหยิบ
และหากกลับไปเอามาแล้ว เปลอาจไม่ว่างตามเดิมก็ได้
ก็เลยนอนตากลม ส่ง sms หาน้องสาวสุดที่รักเล่นๆเพื่อเยาะเย้ย เอ๊ย เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ^^






พวกเราเช็คเอ้าท์กันตอนบ่ายเพื่อนั่งเรือเมล์กลับรอบบ่าย 2
เมื่อไปถึงที่ท่าเรือฝั่งระนอง ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ของ Blue Sky มารับซักที
ทั้งๆที่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝั่งเกาะพยามไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะใช้บริการรถรับส่งด้วย
เง็กได้โทรหาคุณชาติ ปรากฎว่าคุณชาติบอกว่าไม่ได้รับแจ้งจากทางเกาะพยามเลย
พวกเราเลยต้องนั่งแกร่วรอไปประมาณครึ่งชม.


ระหว่างนั่งรอก็แอบคิดว่าเสียดายที่มาเที่ยวครั้งนี้ไม่ประทับใจเท่าที่ควร
อย่างแรกเลยก็คือเรื่องที่พัก เนื่องจากเรามาช่วงที่น้ำตายพอดี
ก็เลยไม่ได้เห็นน้ำขึ้นสูงพอที่จะเอาขาลงมาแกว่งเล่นน้ำที่ชานระเบียงห้องได้
(อันนี้ต้องเขกกระโหลกตัวเองเพราะไม่ศึกษามาก่อน)
นอกจากนั้น ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจนัก
ท้องฟ้ามีเมฆหนา อึมครึม ฝนตกปรอยๆเป็นพักๆ
ฟ้าไม่ใสเอาซะเลย และทะเลก็ยังขุ่น ยังดีที่มีลมทะเลทำให้ชื่นใจอยู่บ้าง

อย่างที่สองคือ เป็นช่วงที่รีสอร์ทกำลังก่อสร้างห้องพักเพิ่ม มีการเปลี่ยนไม้ที่ทางเดิน
รวมถึงสร้างบันไดไม้ทอดลงไปในทะเลให้บ้านพักแต่ละหลัง
หลังที่เราพัก ก็มีการตอกเสาค้างไว้ ส่วนหลังรอบๆบ้านพักเราก็จะมีคนงานก่อสร้าง
ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว มีเสียงและสายตาจากภายนอกรบกวน จึงต้องปิดม่านในห้อง
รู้สึกว่ารีสอร์ทน่าจะบอกมาเลยว่ามีการก่อสร้างอยู่นะ พวกที่ดื้อจะมาก็จะได้มาว่าทีหลังไม่ได้
เพราะเราอุตสาห์เดินทางไกลมาทั้งที กลับต้องมาเดินหลบหลีกการก่อสร้าง
เจอเสียงตอกเสียงเจาะ เสียงคนงานก่อสร้างขับกล่อมร้องเพลงรบกวนความสงบสุขที่หวังว่าจะได้รับ


อย่างสุดท้าย จากที่เคยอ่านรีวิว ได้ความว่าอาหารที่นี่อร่อยและราคาไม่แพง
คงเพราะมีการคาดหวังมาก่อน ก็เลยทำให้ผิดหวัง
เพราะพอได้ลองชิมดู ก็ไม่เห็นจะอร่อยเท่าไหร่เลย
บางอย่าง บางมื้ออร่อย บางมื้อสั่งอาหารเหมือนเดิมกลับไม่อร่อย
ตอนหลังถึงได้มารู้ว่าเมื่อก่อนเชฟที่นี่มีมือดีสองคน คนหนึ่งถนัดอาหารไทย อีกคนถนัดอาหารฝรั่ง
คนที่ถนัดอาหารฝรั่งถูกดึงตัวไปอยู่ที่ Blue Sky @ Ranong (Sorrento Thailand)
และมีลูกมืออีกคนมาช่วยเชฟไทยที่ฝั่งเกาะพยามแทน
แต่ก็ประทับใจเชฟท่านนึงนะ เพราะเรามีสั่งหอมวงทอด
พอได้อาหารมาแล้ว ยังไม่ทันได้กิน พนักงานก็มาถามว่าอมน้ำมันไปมั้ย จะได้เอาไปเปลี่ยนให้
แต่พวกเราก็กินกันได้ แล้วซักพักเชฟก็ออกมาทักทายสอบถามถึงอาหาร
ซึ่งมื้อนี้ที่พวกเรากิน เป็นมื้อที่อาหารอร่อยผิดกับมื้ออื่นๆ ก็เลยได้รับคำชมไป

ส่วนในเรื่องการให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าทุกที่ต้องมีดีไม่ดีปะปนกันบ้าง
บางคนก็หน้าบึ้งตึง เราเดินไปขอน้ำ ก็ทำหน้านิ่งๆ ไม่พูด ไม่ยิ้ม พอเราขอบคุณเค้าก็ยังเมินใส่
แต่พนักงานคนอื่นก็น่ารักนะ โดยเฉพาะน้องเอ็มที่ขับรถกอล์ฟพาพวกเราไปเที่ยวอ่าวมุก
กับน้องแอมที่คอยบริการในห้องอาหารด้วยรอยยิ้ม

คิดไปคิดมาก็อดเซ็งไม่ได้ ยังคิดเลยว่าสงสัยงวดนี้ไดอารี่อาจไม่ได้เขียนยาวๆอย่างเคย
เพราะไม่มีความประทับใจใดๆที่ทำให้เกิดแรงผลักดันในการเขียน เฮ่อ …

บ่นไปตั้งนาน ในที่สุดรถจาก Blue Sky ก็มารับเราได้ซักที …

(มีต่อภาค 2 ภาค Sorrento Thailand)

This entry was posted in Travel. Bookmark the permalink.

10 Responses to The Blue Sky Resort, Maldives Thailand

  1. Ngek says:

    (ขอสารภาพอีกข้อ ตอนที่คนขับหักรถไปทางซ้ายทั้งที่เค้าบอกให้ไปทางขวา พอตื่นขึ้นมาแอบนึกในใจว่า ไอ้เง็กขับป่าววะ 555)
    >> มาหาว่าเราขับได้ไงยะ!! เราไม่ใช่คนสับสนทิศนะ (กล้าเถียงงงง ฮ่าๆ)

    จากนั้นเง็กผู้สุดแสนจะไฮเปอร์ ก็กลัวว่าหากเพื่อนกลับไปพักที่ห้อง จะหลับอีก
    >> ก็วันแรกพวกแกเล่นหลับกันหมด ทิ้งให้เรานั่งหง่าวอยู่คนเดียวตั้งนานแน่ะ ฮือ ฮือ

    เลยทำให้พวกเราไม่ทันได้สนใจอ่าวเขาควายจริงๆ จำไม่ได้ด้วยว่าวิวรอบๆเป็นไง
    >> จริง ไม่ทันดูวิวรอบข้างเลยด้วยซ้ำไป

    เง็กอยู่ดีๆก็อาสาลงไปวัดพื้นหน้าวัด จนได้แผลที่เข่าและเท้ามา
    >> ใจจริงอยากเล่นมุขอะไรมากมาย แต่แบบ แบบ แอบกลัวว่าจะเอ่อ~ ไม่เอาดีกว่า

    ทั้งๆที่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝั่งเกาะพยามไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะใช้บริการรถรับส่งด้วย
    >> เราไม่แน่ใจว่าได้แจ้ง จนท. บนเกาะมั้ยว่ะ?

    รอดู Sorrento นะจ๊า~

    • Intiralee says:

      แหะๆ เก็บมุขไว้เหอะ แค่นี้ก็พอแล้ว
      แต่สงสัยว่าเพราะไปทำบุญป่าว เลยฝันถึงเลขท้ายสองตัววันหวยออกพอดี

      ก็น้องที่มาถามเรื่องเรือ แกก็บอกเค้าไปแล้วนี่ว่าจะใช้บริการรถรับส่งด้วยอ่ะ

  2. Aery says:

    รูปสวยดีเหมือนถ่ายในสตู

    • Intiralee says:

      เอ… ทำไมเง็กมาตอบก่อนเราได้ แปลว่าเง็กเห็นคอมเม้นท์เอ๋ก่อนเรา approve เหรอ งง

      • Intiralee says:

        แล้วรู้ิวิธีเซ็ตแบบให้คอมเม้นท์ึขึ้นเลยไม่ต้องรอ approve มะ เพราะไม่ค่อยได้เช็คเมลอ่ะ

  3. Noom says:

    มีแต่ป้าๆทั้งนั้นเลย ^ ^

    • Intiralee says:

      หนุ่ม แกเก่งจริงอย่าใช้ชื่อฝรั่งสิ เด๋วคนอื่นเข้าใจผิดว่านุ่มเขียนหรอก ดีนะ เรารู้จักแกกับนุ่มดี อิๆ

  4. Num Sri says:

    ไปเที่ยวเเบบที่พักสวย ๆ ไฮโซมาเเล้ว คราวหน้าก็มาเที่ยวเเบบพรรคกระยาจกทัวร์นะ ฮึๆๆ
    เเละเราสงสัยว่าทำไมถึงขึ้นรถกลับในวันที่ตั้งใจกลับไม่ได้ ต้องนอนค้างอีกวันล่ะ

Leave a reply to Intiralee Cancel reply